ไต้หวัน-ไทย ลงนามความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน
หลักไมล์ที่สำคัญทางการค้าทวิภาคี
28 มิถุนายน 2024
ความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนไต้หวัน-ไทย ซึ่งผ่านการเจรจามานานกว่าสองปี ได้บรรลุข้อตกลงเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ.2024 และลงนามโดยนายจางจวิ้นฝู ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยกับนายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย (ไทเป) นับเป็นหลักไมล์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองฝ่าย ไทยนับเป็นประเทศที่ห้าถัดจากฟิลิปปินส์ อินเดีย เวียดนามและแคนาดาที่ลงนามความตกลงด้านการลงทุนกับไต้หวันนับแต่ปีค.ศ.2016 เป็นต้นมา
ความตกลงการลงทุนไต้หวัน-ไทยฉบับเดิมมีผลใช้บังคับเมื่อปีค.ศ.1996 จนถึงบัดนี้ล่วงมายี่สิบแปดปีแล้ว เนื่องจากกฎเกณฑ์ข้อกำหนดต่างๆ ของการลงทุนระหว่างประเทศและลักษณะการลงทุนของทั้งสองฝ่ายนับวันยิ่งมีความหลากหลายมากกว่าเดิมตามยุคสมัย ความตกลงฉบับเดิมจึงไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายในการลงทุนนอกดินแดนของตน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงหารือกันในการลงนามความตกลงฉบับใหม่ เพื่ออำนวยการคุ้มครองและเพิ่มพูนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งสองฝ่าย
สาระสำคัญที่เพิ่มเติมในความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนฉบับใหม่มีดังนี้คือ
- กฎระเบียบและการส่งเสริมการลงทุนที่โปร่งใส เพื่อเป็นการรับรองว่าขั้นตอนการยื่นขอการลงทุนมีความชัดเจนและโปร่งใส หากมีการบัญญัติหรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ควรมีการประกาศให้สาธารณชนทราบทันที
- จัดให้มีเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจทำหน้าที่เป็นช่องทางติดต่อด้านการลงทุน โดยทั้งสองฝ่ายจะระบุเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจในการประสานงานและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการลงทุนของผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการลงทุนอย่างทันท่วงที
- ในกรณีเกิดข้อพิพาททางการลงทุน รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขปัญหา ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการการลงทุนร่วม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการจัดการข้อพิพาท เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กระบวนการจัดการข้อพิพาทที่ต้องใช้เวลายาวนาน อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขข้อพิพาทด้านการลงทุนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ผู้ประกอบการไต้หวันได้รับการคุ้มครองการลงทุนทางอ้อมโดยผ่านดินแดนที่สาม ความตกลงฉบับนี้นอกจากจะให้ความคุ้มครองพฤติกรรมการลงทุนแบบดั้งเดิมแล้ว ยังครอบคลุมถึงกรณีที่ ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายลงทุนทางอ้อมโดยผ่านดินแดนที่สามด้วย
- รัฐบาลทั้งสองฝ่ายอาจใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายต่างสามารถกำหนดนโยบายและมาตรการด้านสาธารณสุข, การรักษาสิ่งแวดล้อม, สิทธิประโยชน์ของผู้ใช้แรงงาน, การคุ้มครองผู้บริโภคและความมั่นคงทางระบบการเงิน เพื่อสาธารณประโยชน์
จากข้อมูลสถิติการลงทุนของศุลกากรไต้หวันพบว่า นับแต่มีการผลักดันนโยบายมุ่งใต้ใหม่เป็นต้นมา ระหว่างปีค.ศ.2016 ถึงค.ศ.2023 ยอดรวมการค้าระหว่างไทยกับไต้หวันเพิ่มขึ้นจาก 9,301 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 16,240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 74.6% ส่วนยอดเงินการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้นจาก 3,180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 6,990 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นถึง 119.8% เป็นการบ่งชี้ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของไต้หวันในภูมิภาคอาเซียน
ภายใต้แนวโน้มการปรับตัวใหม่ของห่วงโซ่อุปทานของโลก ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่หมายตาของผู้ประกอบการทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้ไทยเป็นประเทศเป้าหมายการลงทุนอันดับแรกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน การลงนามความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนไต้หวัน-ไทยในจังหวะนี้ จึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการไต้หวันที่มีความปรารถนาจะมาลงทุนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ หลายปีมานี้ รัฐบาลไต้หวันได้จัดให้การกระจายความเสี่ยงการลงทุนและการขจัดอุปสรรคการลงทุนของผู้ประกอบการไต้หวันให้เป็นประเด็นสำคัญในการดำเนินนโยบาย และหลังจากที่ไต้หวันได้ลงนามความตกลงการลงทุนกับฟิลิปปินส์, อินเดีย, เวียดนาม, แคนาดาและประเทศไทย จะช่วยเสริมความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นการลงทุนในต่างประเทศของผู้ประกอบการไต้หวันได้เป็นอย่างดี