Source : 14/02/2025 Taiwan Today
สภาบริหาร วันที่ 13 ก.พ. 68
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับฟังรายงาน “สถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมและทิศทางในอนาคต ประจำปี 2568” ในที่ประชุมสภาบริหาร พร้อมชี้ว่า ในช่วงหลายปีมานี้ เศรษฐกิจของไต้หวันได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการปกป้องทางภาษี อย่างไรก็ตาม ด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีเสถียรภาพ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ลดลง และความต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2024 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวันสูงถึง 4.3% ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสี่เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย การเติบโตนี้ยังส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของทั้งเงินทุนของภาคเอกชนและรายได้จากภาษีของรัฐ ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความพยายามร่วมกันของประชาชนทุกภาคส่วน ตลอดจนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างมั่นคง และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นในการดำเนินมาตรการต่างๆ ดังนั้น เราจึงควรเห็นคุณค่าของผลสัมฤทธิ์ที่ได้มา และมุ่งมั่นพัฒนาให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า การลงทุนภาคเอกชนและกำลังซื้อของประชาชนในไต้หวันยังคงแข็งแกร่ง ทำให้คาดว่าในปีนี้ (2025) เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขอให้สภาบริหารติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด และดำเนินมาตรการเพื่อดึงดูดการลงทุนจากนักธุรกิจชาวไต้หวันทั่วโลก รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติให้เข้ามาลงทุนในไต้หวันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลต้องผลักดันอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้ทั้ง 5 พัฒนาอุตสาหกรรมและศูนย์เศรษฐกิจระดับภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ตลอดจนดำเนินโครงการสำคัญที่คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจอนุมัติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไต้หวัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม และรักษาความเป็นผู้นำของประเทศในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
นรม.จั๋วฯ กล่าวอีกว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศในอนาคต สภาบริหารได้จัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานด้านเศรษฐกิจการทูต และกลุ่มปฏิบัติงานด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯ เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาและประเมินแนวทางต่างๆ อย่างรอบคอบ พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือของไต้หวันในระดับนานาชาติในเชิงลึกมากขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคง พร้อมย้ำว่า เศรษฐกิจไต้หวันมีเสถียรภาพและเติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้า และสร้างโอกาสการจ้างงานที่หลากหลาย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และส่งเสริมการขยายตัวอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
นรม.ไต้หวันย้ำ เศรษฐกิจไต้หวันขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ หวังดึงดูดการลงทุนและสร้างโอกาสการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพและความทรหดทางเศรษฐกิจ (ภาพจากสภาบริหาร)